วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ต้นเพชรสายรุ้ง


ชื่อสามัญ                    -
ชื่อวิทยาศาสตร์          Cordyline ferminalis "bicolor"
ตระกูล                       LILIACEAE

ลักษณะทั่วไป
                เพชรสายรุ้งเป็นไม้พวกเดียวกับหมากผู้หมากเมีย ที่มีลำต้นตรงกลมขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นสีน้ำตาลมีข้อถี่ตามลำต้นซึ่งเป็นรอยของกาบใบ ลักษณะเป็นรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบเข้าหาก้านใบ ขนาดใบกว้างประมาณ2-3 นิ้ว ยาวประมาณ 8-12 นิ้ว ใบอ่อนจะมีสีเขียวปนขาว และสีชมพูอ่อน เมื่อใบแก่ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว สีม่วงหรือแดงเข้มใบเป็นมันจะแตกใบรวมกันตรงส่วนยอดของลำต้นสลับเป็นวงกลมก้านใบหรือกาบใบสีแดงเข้ม ดอกจะแตกออกตรงส่วนยอดออกดอกเป็นช่อชูขึ้นมาดอกมีขนาดเล็กสีขาว

การเป็นมงคล
             คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นเพชรสายรุ้งไว้ประจำบ้าน จะทำให้เกิดคุณค่าที่สูง เพราะเพชรคืออัญมณีที่มีค่าสูง ดังนั้นเพชรสายรุ้งจึงเป็นของสูงที่มีความสวยงามเหมือนสายรุ้ง เป็นเสน่ห์ที่ใบเพราะมีสีสรรสวยงามดูมีค่ายิ่งนัก ดังนั้นเพชรสายรุ้ง จึงเป็นไม้มงคลนาม นอกจากนี้โบราณยังมีความเชื่ออีกว่า ยังทำให้เกิดความอยู่เย็นเป็นสุข เพราะเพชรสายรุ้ง เป็นพรรณไม้เดียวกับหมากผู้หมากเมีย ซึ่งคนไทยโบราณนิยมปลูกไว้ประจำบ้านมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล

ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
            เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นเพชรสายรุ้งไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทั่วไปทางใบให้ปลูกในวันอังคาร

การปลูก    มีอยู่ 2 วิธี คือ
1. การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายในและภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูง ขนาด 8-12 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ขุยมะพร้าว:ดินร่วนอัตรา  1 : 1 : 1 ผสมดินปลูกควรเปลี่ยนกระถาง1 :2 ปี/ครั้งเพราะการขยายตัวของทรงพุ่มโตขึ้นและเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป
2.การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวนโบราณนิยมปลูกไว้เป็นแนวรั้วรอบบ้านหรือบริเวณสวนหน้าบ้านขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 2  ผสมดินปลูก

การดูแลรักษา
แสง                          ต้องการแสงแดดรำไร หรือแสงแดดปานกลาง
น้ำ                             ต้องการปริมาณน้ำมาก ควรให้น้ำ 3-5 วัน/ครั้ง
ดิน                           ชอบดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย ต้องการความชื้นสูง
ปุ๋ย                           ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ 5-6 ครั้ง/ปี                              
การขยายพันธ์          การปักชำ วิธีที่นิยมและได้ผลดี คือ การปักชำ
โรค                          ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค เพราะเป็นไม้ที่ทนทานต่อโรคพอสมควร
แมลง                        เพลี้ยหอย
อาการ                       ถูกดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ยอดอ่อนและใบแห้งสีน้ำตาล และแห้งเหี่ยวใน                                                     ที่สุด
การป้องกัน               รักษาความสะอาดบริเวณแปลงปลูก กำจัดมดที่เป็นพาหะแพร่ระบาดด้วย ยาเช่น                                     เดียวกับการกำจัด
การกำจัด                   ตัดกิ่งที่มีเพลี้ยหอยเผาไฟทำลาย ใช้ยาเมธาซีสทอกซ์ อัตราและคำแนะนำระบุไว้                                     ตามฉลาก




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น